ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) อัญมณีสีน้ำเงินเข้มจัดที่มีตำนานยาวนานกว่า 6,000 ปี มักสร้างความสับสนให้กับผู้ที่สนใจในโลกของอัญมณีอยู่เสมอ โดยเฉพาะคำถามที่ว่า พลอยลาพิส ลาซูลี ถือเป็นบลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) หรือไม่? คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือ "ไม่" ทั้งสองเป็นอัญมณีที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในทางธรณีวิทยา องค์ประกอบทางเคมี และแม้กระทั่งความหมายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม บทความนี้จะเจาะลึกความแตกต่าง รวมถึงสำรวจความมหัศจรรย์ของลาพิส ลาซูลีในฐานะ "พลอย" ที่พิเศษและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ความสับสนมักเกิดจากสีน้ำเงินเข้มที่สวยงามคล้ายกัน แต่โครงสร้างภายในของอัญมณีทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน
แซฟไฟร์เป็นรูปแบบหนึ่งของแร่คอรันดัม (Corundum) ซึ่งเป็นสารประกอบออกไซด์ของอะลูมิเนียม $Al_2O_3$ จัดอยู่ในกลุ่มอัญมณีที่มีค่าความแข็งสูงมาก โดยมีค่าความแข็งบนมาตราโมส (Mohs scale of hardness) อยู่ที่ 9 ซึ่งเป็นรองเพียงแค่เพชรเท่านั้น แซฟไฟร์สีน้ำเงินเกิดจากการที่มีธาตุเหล็ก (Iron) และไทเทเนียม (Titanium) เจือปนอยู่ในโครงสร้างผลึก ทำให้มันมีความโปร่งใสและเป็นอัญมณีที่จัดอยู่ในประเภท อัญมณีเดี่ยว (Single Mineral Gemstone)
ในทางกลับกัน ลาพิส ลาซูลี ไม่ใช่พลอยเดี่ยว แต่เป็น หิน (Rock) ชนิดหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ามันประกอบขึ้นจากแร่หลายชนิดรวมกันเป็นก้อน องค์ประกอบหลักที่ทำให้ลาพิสมีสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์คือแร่ ลาซูไรต์ (Lazurite) ซึ่งเป็นแร่ในกลุ่มซิลิเกตที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ (sulfur-bearing silicate mineral) นอกจากลาซูไรต์แล้ว ลาพิส ลาซูลียังมีแร่อื่นๆ ผสมอยู่ด้วย เช่น:
แคลไซต์ (Calcite): ทำให้เกิดเส้นสายสีขาวหรือสีเทาอ่อน
ไพไรต์ (Pyrite): ทำให้เกิดจุดประกายสีทองเล็กๆ คล้ายทองคำ ที่เป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความงดงามล้ำค่าให้กับพลอยชนิดนี้
ไดออปไซด์ (Diopside) และฮอร์นเบลนด์ (Hornblende): แร่รองอื่นๆ ที่อาจพบได้
เนื่องจากเป็นหินรวมแร่ ค่าความแข็งของพลอยลาพิส ลาซูลีจึงต่ำกว่าแซฟไฟร์มาก โดยมีค่าความแข็งอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 6 บนมาตราโมส ทำให้มีความเปราะบางกว่าและต้องระมัดระวังในการดูแลรักษา
แม้ว่าแซฟไฟร์จะมีความแข็งและมูลค่าทางตลาดที่สูงในฐานะพลอยหายาก แต่ลาพิส ลาซูลีก็มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน และบางยุคสมัยก็ถือว่ามีค่าสูงกว่าทองคำด้วยซ้ำ
แหล่งกำเนิดหลักและแหล่งที่มีคุณภาพดีที่สุดของพลอยลาพิส ลาซูลี คือบริเวณเทือกเขาบาบาคาน (Badakhshan) ในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นเหมืองที่ถูกขุดมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว เส้นทางการค้าของพลอยชนิดนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าอัญมณีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
อียิปต์โบราณ: พลอยลาพิสเป็นที่นับถืออย่างสูงในอียิปต์โบราณ พวกเขาเชื่อว่าเป็น "หินแห่งสวรรค์" (Stone of Heaven) ใช้ในการทำเครื่องประดับสำหรับราชวงศ์ และเป็นส่วนสำคัญในการตกแต่งหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun) และเครื่องรางของเทพีไอซิส (Isis)
เมโสโปเตเมีย: อัญมณีสีน้ำเงินนี้ถูกใช้ประดับในสุสานหลวงแห่งอูร์ (Royal Cemetery of Ur) ในซูเมอร์ (Sumer) และถือเป็นสัญลักษณ์ของความรู้และปัญญา
ศาสนา: ในหลายวัฒนธรรม ถือว่าพลอยลาพิสช่วยเสริมสร้างความสงบภายใน พลังทางจิตวิญญาณ และการสื่อสารกับเบื้องบน
นอกเหนือจากการเป็นเครื่องประดับแล้ว ลาพิส ลาซูลียังมีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกศิลปะ โดยเฉพาะในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ศิลปินได้บดพลอยคุณภาพสูงให้เป็นผงละเอียดเพื่อสร้างเม็ดสีสีน้ำเงินที่แพงที่สุดในโลกในขณะนั้น นั่นคือ สีอัลตรามารีน (Ultramarine) ชื่อนี้มาจากภาษาละตินที่แปลว่า "นอกเหนือจากทะเล" (ultra หมายถึง เกิน, mare หมายถึง ทะเล) เนื่องจากต้องนำเข้าพลอยมาจากเหมืองในอัฟกานิสถานข้ามทะเลมายังยุโรป
เม็ดสีอัลตรามารีนให้สีน้ำเงินที่สว่าง สดใส และทนทานกว่าเม็ดสีน้ำเงินอื่นๆ ในสมัยนั้นมาก และถูกสงวนไว้สำหรับการระบายเสื้อคลุมของพระแม่มารีย์ (Virgin Mary) ในภาพวาดทางศาสนาที่สำคัญที่สุดเท่านั้น การใช้สีนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและสถานะทางสังคมของผู้ว่าจ้างงานศิลปะนั้นๆ
ในยุคปัจจุบัน การประเมินคุณภาพของอัญมณีต้องอ้างอิงหลักการที่เชื่อถือได้ ซึ่งรวมถึงหลัก EEAT (Experience, Expertise, Authoritativeness, and Trustworthiness) ของผู้ประเมินหรือผู้จำหน่าย สำหรับพลอยลาพิส ลาซูลี การประเมินจะแตกต่างจากการประเมินพลอยอื่นๆ เล็กน้อย
สีคือปัจจัยสำคัญที่สุดของพลอยลาพิส ลาซูลี คุณภาพสูงสุดคือสีน้ำเงินเข้มจัด สม่ำเสมอ ที่เรียกว่า “รอยัลบลู” (Royal Blue) หรือ “อัฟกันบลู” (Afghan Blue) สีที่สมบูรณ์แบบไม่ควรมีสีเขียวหรือสีเทาเจือปนมากนัก โดยเฉพาะสีเขียวที่อาจบ่งชี้ถึงปริมาณของแร่ในกลุ่มซิลีเนตที่ไม่ใช่ลาซูไรต์
ในขณะที่พลอยแซฟไฟร์จะลดคุณค่าลงเมื่อมีตำหนิหรือมลทินมาก แต่สำหรับลาพิส ลาซูลี การมีแร่ไพไรต์และแคลไซต์ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นเอกลักษณ์สำคัญ:
ไพไรต์ (Pyrite): จุดสีทองเล็กๆ ที่ส่องประกายระยิบระยับ (มักถูกเรียกว่า "ผงทอง") เป็นที่ต้องการอย่างมาก แต่ถ้าไพไรต์มาเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่เกินไป หรือมากเกินไป อาจทำให้สีน้ำเงินดูลดความเข้มลงได้
แคลไซต์ (Calcite): เส้นสายสีขาวหรือแถบสีขาวควรมีน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย แคลไซต์ที่มากเกินไปจะทำให้พลอยลาพิสมีมูลค่าลดลง
เนื่องจากลาพิส ลาซูลีมีรูพรุนอยู่บ้าง จึงมักมีการปรับปรุงคุณภาพที่พบเห็นได้ทั่วไป:
การย้อมสี (Dyeing): เป็นการย้อมสีเข้มเพื่อปรับปรุงสีให้เข้มขึ้นและสม่ำเสมอขึ้น การย้อมสีถือเป็นการปรับปรุงที่ยอมรับได้ แต่ผู้ขายที่มีความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) จะต้องเปิดเผยข้อมูลนี้แก่ลูกค้าอย่างชัดเจน
การชุบแว็กซ์/เรซิน (Waxing/Resin Impregnation): การเคลือบด้วยแว็กซ์หรือเรซินเพื่อเพิ่มความเงาและความทนทาน รวมถึงปิดรูพรุน เป็นอีกหนึ่งการปรับปรุงที่พบได้บ่อย
การซื้อพลอยลาพิส ลาซูลีจากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความต้องการสูงทำให้มีการปลอมแปลงหรือการปรับปรุงคุณภาพที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้น การตรวจสอบว่าพลอยนั้นมาจากแหล่งกำเนิดที่มีชื่อเสียง (เช่น อัฟกานิสถาน) และมีการรับรองคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ (Expertise) จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณได้รับพลอยที่มีคุณภาพและมีมูลค่าที่แท้จริง
เนื่องจากพลอยลาพิสมีความแข็งต่ำและประกอบด้วยแร่ลาซูไรต์ที่มีกำมะถัน การดูแลรักษาจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ:
ความร้อนและความชื้น: ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูงและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกะทันหัน รวมถึงการแช่น้ำเป็นเวลานาน
สารเคมี: กรด น้ำมะนาว หรือสารเคมีในครัวเรือน (เช่น สบู่ ผงซักฟอก) สามารถทำลายสีและพื้นผิวของพลอยลาพิสได้ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอุ่นๆ และผ้าแห้งนุ่มๆ เท่านั้น
รอยขีดข่วน: เก็บแยกจากเครื่องประดับอื่น ๆ โดยเฉพาะพลอยที่มีความแข็งสูงกว่า เช่น เพชรหรือแซฟไฟร์ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
คำถามที่ว่า พลอยลาพิส ลาซูลี เป็นบลูแซฟไฟร์หรือไม่ ได้รับการตอบอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ใช่ แซฟไฟร์คือพลอยบริสุทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งและมูลค่าสูงจากการเป็นอัญมณีในกลุ่มคอรันดัม ส่วนลาพิส ลาซูลีคือ หินรวมแร่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยองค์ประกอบของลาซูไรต์ ไพไรต์ และแคลไซต์
คุณค่าของพลอยลาพิส ลาซูลีไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่อยู่ที่ความลึกของสีน้ำเงินอันเป็นตำนาน เส้นสายไพไรต์สีทองที่เปรียบเสมือนดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืน และประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เชื่อมโยงอัญมณีนี้เข้ากับฟาโรห์ กษัตริย์ และศิลปินเอกของโลก มันคือ "พลอย" ที่เป็นมากกว่าอัญมณี แต่เป็นชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ที่สวยงามและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องในฐานะอัญมณีที่ยิ่งใหญ่ในตัวของมันเอง
พลอย แท้